วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เมื่ออ้วนแล้ว..ควรทำอย่างไร?


     การควบคุมอาหารที่จะไส่ปากไส่ท้อง และรวมไปถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะและจะต้องมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย  ลองตรวจสอบกันดูสิว่า เรารับประทานอาหารและเครื่องดื่มกันถูกต้องเหมาะสมแล้วยังไม่ทำให้เกิดเป็นโรคอ้วน มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ


1.งดกินของทอด อาหารจำพวกทอดๆ ได้แก่ ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด มันฝรั่งทอด และยังมีอีกหลากหลายเมนูทอดทั้งหลายที่ล้วนอุดมไปด้วยไขมัน ขอให้งดกินเด็ดขาด นอกจากจะจับตัวเป็นชั้นไขมันตามร่างกายแล้วยังก่อให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดอีกด้วย
2.เลิกกินกาแฟกับขนมปังมื้อเช้า มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ร่างกายควรจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมีประโยชน์มากกว่ากาแฟหนึ่งแก้วและขนมหนึ่งแผ่นต่อวัน
 3.กินผักผลไม้ให้ได้ทุกมื้อ ถ้าเป็นเป็นไปได้ควรกินผักและผลไม้สดๆให้ได้ครบทุกมื้อ เพราะผักและผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อุดมไปด้วยสารอาหารและใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักส่วนเกินอีกด้วย
4.ดื่มน้ำผักผลไม้ หากว่าการหาโอกาสกินผักผลไม้สดๆเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะการกินให้ได้ทุกมื้อและในจำนวนปริมาณที่มากๆ วิธีหนึ่งที่เป็นทางแก้ก็คือการดื่มน้ำผักผลไม้แทน โดยหาเครื่องสกัดน้ำผักผลไม้มาสกัดน้ำดื่ม จะได้ประโยชน์มากทีเดียวเพราะร่างกายจะดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้เร็วกว่าการรับประทานผักผลไม้สดๆ ถ้าไม่มีเครื่องสกัดน้ำผลไม้ เครื่องปั่นธรรมดาก็พอที่จะทำได้ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำผสมเข้าไป ปั่นแล้วกรองเอาแต่น้ำดื่ม แต่มีข้อยกเว้นว่าต้องไม่เป็นผลไม้ที่มีรสหวานจัด เพราะสามารถทำให้อ้วนได้เหมือนกัน
5.งดดื่มน้ำอัดลมโดยเด็ดขาด น้ำหวานน้ำอัดลมไม่จำเป็นจริงๆก็ขอให้งดดื่มโดยเด็ดขาดเพราะน้ำอีดลมประกอบไปด้วยน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ แล้วน้ำตาลส่วนเกินที่ได้รับจากการดื่มน้ำอัดลมก็จะไปสะสมในร่างกาย ทำให้กลายเป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวานในที่สุด
 6. อย่าปล่อยให้หิวมากเกินไป การปล่อยให้มีความรู้สึกหิวจนท้องไส้กิ่ว บิดไปบิดมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะยอมอดเพื่อความผอมหรือไม่ได้อด แต่รู้สึกหิวจริงๆ ละก็ อย่าปล่อยให้รู้สึกหิวจนทรมานอย่างนั้น หาอะไรเป็นของว่างประเภทผลไม้ไม่มีรสหวานก็ได้ กินพอระงับความหิว เพราะถ้าปล่อยให้ตัวเองหิวจัดมากๆ พอถึงเวลากินอาหารแล้วจะกินมากกว่าเดิมเป็น 2-3 เท่าเชียว
 7.ลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อ ขอย้ำว่าให้ลดปริมาณอาหารที่รับประทานแต่ละมื้อ เคยกิน 2 จาน ก็ให้เหลือ 1 จาน เคยกินจานโตๆ ก็ลดมาเหลือครึ่งจาน ไม่ใช่ให้อดอาหาร การอดอาหารจะทำให้ร่างกายอ่อนแอขาดภูมิต้านทาน และเมื่อกินมื้อต่อไป ร่างกายจะทำการสะสมเป็นไขมันเพื่อชดเชยมื้อที่อด
8.เคี้ยวอาหารให้ละเอียดอย่างช้าๆ คนที่กินอาหารด้วยความรวดเร็วจนเหมือนว่าไม่ได้เคี้ยวอาหารเล นอกจากจะทำให้กระเพาะทำงานหนักในการย่อยอาหารแล้ว ยังทำให้ท้องอืดและกินอาหารได้มากกว่าปกติ เพราะยิ่งกินเร็วก็เหมือนว่ากินได้น้อยและไม่อิ่มเสียที กว่าจะรู้สึกอิ่มก็แน่นท้องเสียแล้ว โดยปกติเราจะรับรู้ว่าอิ่มก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที กว่ากระเพาะจะส่งสัญญาณให้รับรู้ว่าอิ่ม คนที่กินเร็วๆ จึงมีโอกาสกินมากเกินความต้องการของร่างกาย
9.ดื่มน้ำก่อนกินอาหาร ดื่มน้ำสัก 2 แก้วก่อนรับประทานอาหารไม่เกิน 30 นาที เพราะเมื่อมีน้ำอยู่ในกระเพาะ จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น แม้ว่าอยากกินก็กินต่อ

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อันตรายจากความอ้วน!!



1. ภาวะไขมันในเลือดสูง 
ซึ่งจะนำไปสู่ความผิดปกติของระบบอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด
ก็จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและความดันโลหิตตามมาได้
2. ความดันโลหิตสูง
ซึ่งหากเป็นมาก ๆ อาจทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก ถึงแก่ชีวิตหรือพิการ เป็นอัมพาตได้
3. โรคหัวใจและหลอดเลือด     
ซึ่งในปัจจุบันป็นสาเหตุของการตายอันดับหนึ่งของประเทศอุตสาหกรรมหรือประเทศที่พัตนาแล้ว รวมทั้งประเทศไทยด้วย เนื่องจากไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน หัวใจทำงานเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นกับเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจแล้ว ก็ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด และหัวใจวายถึงแก่ชีวิตได้

4. โรคเบาหวาน 
ซึ่งมักพบควบคู่กันเสมอในสภาวะที่เป็นโรคอ้วนอยู่ เมื่อเป็นเบาหวานแล้วมักเป็นแผลเรื้อรังไม่ค่อยหาย บางทีเป็นแผลกดทับในรายที่ต้องนั่งหรือนอนนาน ๆ ประกอบกับมีการเสี่ยงต่อการติดเชื้อราง่ายขึ้น เพราะมีการอับชื้น ของซอกแขนและซอกขามากกว่าปกติ

5. โรคข้อกระดูกเสื่อม   
โดยเฉพาะข้อเข่า และข้อเท้าเนื่องจากต้องรับน้ำหนักตัวมากเกินพิกัด บางคนที่อ้วนมาก ๆ อาจจะยืนหรือเดินไม่ได้เลย เพราะข้อเท้าไม่สามารถรับน้ำหนักได้ คุณคงไม่อยากเป็นอย่างนั้นใช่ไหม
6. โรคของระบบทางเดินหายใจ 
เนื่องจากในคนอ้วนมักมีการเคลื่อนไหวน้อย ชอบนั่งหรือนอนมากกว่า ปอดจึงขยายตัวไม่ได้เต็มที่ จึงทำให้เกิดภาวะการติดเชื้อของทางเดินหายใจได่บ่อยกว่าปกติ

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สาเหตุที่ทำให้ "อ้วน"


1.กรรมพันธุ์ 
  พ่อและแม่ดิฉันท่านเป็นคนรูปร่างอ้วนทั้งสองคนดิฉันเลยได้กรรมพันธ์มาจากพ่อและแม่ค่ะ และถ้าถ้าพ่อแม่คนใดคนหนึ่งอ้วนลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 40 แต่คุณไม่ควรจะวิตกกังวลจนเกินเหตุไม่ใช่ว่าคุณจะหมดโอกาสผอมหรือหุ่นดีเหมือนคนอื่น


2.นิสัยในการรับประทานอาหาร 
  ดิฉันเป็นคนที่มีนิสัยการรับประทานที่ไม่ดี ที่เรียกว่ากินจุบกินจิบไม่เป็นเวลาก็ทำให้อ้วนได้

3.ขาดการออกกำลังกาย 
  ดิฉันรับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ และได้ออกกำลังกายในบางครั้ง ก็อาจทำให้อ้วนช้าลง แต่หลายท่านที่รับประทานพอดีหรือมากกว่าความต้องการของร่างกายแล้วนั่ง ๆ นอน ๆ โดยไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมใด ๆ ในไม่ช้าจะเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย
 
4.จิตใจและอารมณ์ 
  มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่การรับประทานอาหารนั้นขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น การรับประทานอาหารเพื่อดับความโกรธ ความคับแค้นใจ กลุ้มใจ กังวลใจหรือดีใจ บุคคลเหล่านี้จะรู้สึกว่าอาหารททำให้จิตใจสงบ จึงหันมายึดเอาอาหารไว้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ
 
5.ความไม่สมดุลย์ระหว่างความรู้สึกอิ่มกับความหิวหรือความอยากอาหาร 
  เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้นเมื่อนั้นการบริโภคก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงขั้นที่เรียกว่า กินจุในที่สุดก็จะทำให้อ้วน
 
6. เพศ 
  เพศหญิงมักมีโอกาสอ้วนได้ง่ายกว่าเพศชาย เพราะโดยธรรมชาติมักสรรหาอาหารมารับประทานกันได้ตลอดเวลา อีกทั้งเพศหญิงจะต้องตั้งครรภ์ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เพราะต้องรับประทานอาหารมากขึ้น เพื่อบำรุงร่างกายและทารกในครรภ์ และหลังจากคลอดบุตรแล้วก็ไม่สามารถลดน้ำหนักลงมาให้เท่ากับ เมื่อก่อนตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ในขณะตั้งครรภ์นั้นมักจะรับประทานอาหารในประมาณที่มาก ทำให้ติดเป็นนิสัยจึงทำให้น้ำหนักยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
 
7. อายุ 
  เมื่อมีอายุมากก็มีโอกาสอ้วนง่ายขึ้นทั้งเพศชายและเพศหญิง เนื่องมาจากการใช้พลังงานน้อยลง